>

                   

จิตรกรรมสีนํ้ามัน

การวาดภาพด้วยสีนํ้ามัน  พัฒนาอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 16 จนกระทั่งถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 400 ปี ซึ่งเป็นกรรมวิธีทางจิตรกรรมที่แพร่หลาย อย่างกว้างขวาง เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาได้มีสีบางชนิด เช่น สีอะคริลิค สังเคราะห์ต่าง ๆ กลายมาเป็นคู่แช่งที่สำคัญ แต่สีนํ้ามันก็ยังคงเป็นสื่อในทางจิตรกรรมที่ได้รับความนิยม แพร่หลายอยู่ดีสีนํ้ามันทำมาจากผลสีแห้ง ๆ นำมาผสมกับยางเหนียว ๆ ในจำนวนพอเหมาะ ซึ่งยาง เหนียว ๆ นี้ได้มาจากนํ้ามันพืชต่าง ๆ เช่น นํ้ามันลินสีด นํ้ามัน อัตราส่วนการผสมกันระหว่างสี กับนํ้ามันผสมสีไม่มีสูตรที่แน่นอน ซึ่งการใช้อัตราส่วนการผสมที่แตกต่างกันจะมีผลทำให้ ผิวหน้าของภาพแตกต่างกันไปด้วย เช่น อาจจะทำให้ดูสีทึบตัน ดูโปร่งใส ดูเป็นผิวมัน ดูเป็นผิว ด้าน

การใช้นํ้ามันมาผสมกับผงสีมีประวิตการใช้มายาวนาน เริ่มต้นตั้งแต่การใช้นํ้ามันมาเป็น ส่วนประกอบของการเขียนสีฝ่น แต่เราก็ไม่สามารถที่จะชี้เฉพาะลงไปไต้ว่า การใช้นํ้ามันกับสี เริ่มต้นจริง ๆ เมื่อใด ต่อมาไต้มีการพัฒนามาสู่การใช้สีนํ้ามันที่เป็นตัวสีนํ้ามันอย่างแท้จริง ซึ่ง อาจจะกล่าวไต้ว่า เริ่มมาจากศิลปีนชาว Flemish Quattrocento ในศตวรรษที่ 15 และอาจ กล่าวไต้ว่า van Eyck เป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อศิลปีนหลายคน และไต้แพร่ไปถึงอิตาลี โดยเฉพาะใน กลุ่มศิลปีนสกุลเวนิส จากคุณสมบัติที่คงทน มีความยืดหยุ่นไต้หลายประการ สีนี้ามันไต้เป็นที่นิยมสูงขึ้น เรื่อยมาไม่ว่าจะเป็นการเขียนภาพขนาดใหญ่ในห้อง หรือการเคลื่อนย้ายออกไปเขียนนอกห้อง โด ยวิธีมัว นพับ ผ้าใบไป

Titian (1490 - 1576) ในฐานะที่เป็นจิตรกรชั้นปรมาจารย์ของเวนิสมีบทบาทที่ สำคัญต่อการพัฒนาทางต้านกรรมวิธีและความเป็นไปไต้ต่อการเขียนภาพสีนํ้ามันศิลปีนกลุ่มสกุลช่างเวนิช กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้วางรากฐานในการเขียนภาพสี นํ้ามัน ศิลปีนอีกผู้'หนึ่งที่มีส่วน'ทำ'ให้การเขียนภาพสีนํ้ามันแพร่,หลาย คือ Rubens (1577 - 1640)ซึ่งผลงานของเขาแสดงลักษณะของสีนํ้ามันได้อย่างแท้จริงและสมบูรณ์แบบ วิธีการเขียนภาพ ของ Rubens เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากในการเขียนภาพสีนํ้ามัน เขาประสบ ความสำเร็จในการเขียนภาพและการทำงานอย่างมีระบบเป็นขั้นตอน และได้วางกฎเกณฑ์ทาง จิตรกรรมสีนํ้ามัน จนจิตรกรอีกหลายรุ่นต่อมา ก็ยังคงใช้วิธีการที่ Rubens กำหนดเอาไว้

ในสมัยศตวรรษที่ 18 สีนํ้ามันได้มีการผลิตตลอดออกจำหน่ายในลักษณะเตรียมสี สำเร็จรูปบรรจุในถุงหนัง และใช้ต่อมาจนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หลอดสีที่ผลิตจากดีบุกบรรจุ สีสำเร็จรูปได้ออกจำหน่ายในท้องตลาด จนยังคงลักษณะนี้จนถึงปัจจุบัน

ในด้นศตวรรษที่ 20 ผลงานสีนี้ามันของกลุ่ม Post - Impressionist ใช้วิธีการเขียนที่ แปลกประหลาดไปจากศิลปินกลุ่มอื่น ๆ ในสมัยเดียวกัน เช่น การโปะป้ายสีหนา ๆ ของ Van Gogh ( 1853 - 90) หรือผสมสีระบายในภาพของ Gauguin (1848 - 1903) แต่ทั้งวิธีการใช้ สีและกรรมวิธีในการระบายสีของศิลปินทั้งสองนี้กลับมีอิทธิพลอย่างสูงต่อผลงานจิตรกรรมสี นี้ามันในยุคศตวรรษที่ 20 ช่วงต่อ ๆ มา

ตั้งแต่ยุค Impressionism เป็นด้นมา สีนี้ามันได้มีขายเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง และมีการ ผลิตจำนวนสีให้เลือกใช้มากมายหลังจากที่มีการแต้มสีหนา ๆ แบบ Impasto ของ Van Gogh ก็ได้มีผลงานของกลุ่ม Expressionist และ Abstract-Expressionist คลี่คลาย การใช้สีนี้ามัน โดยการปาสี, หยอดสี หยดสี ลงไปบนระนาบรองรับอย่างอิสระ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่หักเหแนวความคิดในการ ใช้'สีนามัน'จากแบบเก่า ๆ ไปสู่แนวทางใหม

                                                                 

                                                                                                  

     
     
     

                เเกลเลอรี่ ภาพเขียนสีนํ้ามัน